เรื่องของ “คาบูโตะ”
เคยเขียนถึงเรื่องของ Astrophytum asterias ไปก่อนหน้านี้แล้ว แล้วก็มีทิ้งไว้หน่อยว่า ไว้มีโอกาสจะมาพูดถึงเรื่องของ คาบูโตะ ชนิดต่างๆ ที่ทางญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าตำรับการผสมพันธุ์ Astrophytum asterias ได้ตั้งชื่อเรียกไว้ เห็นหลายๆคนก็ยังงงๆเรียกผิดเรียกถูก ไม่แน่ใจบ้างว่าคำนี้แปลว่าอะไร ก็เลยได้โอกาสที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา
เริ่มจากคำว่า “คาบูโตะ ( Kabuto ) ” กันก่อน คำว่าคาบูโตะนั้น ภาษาญี่ปุ่นเขาแปลว่า หมวกเหล็ก ซึ่งก็หมายถึงหมวกที่ซามูไรใส่เวลาออกศึก แต่ก็คงจะงงๆกันว่า หมวกที่เราเห็นก็ดูไม่ได้กลมเหมือนเจ้าแซนด์ดอลลาร์ แถมยังมีปีกหมวก มีกะบัง มีเครื่องตกแต่ง มีเขาต่างๆมากมายอีกตะหาก มันเหมือนกันตรงไหนเนี่ย ผมมาถึงบางอ้อก็ตอนที่ได้มองรูปร่างหมวกเหล็กนี้จากด้านบน อ๋อ ตรงนี้นี่เอง มองลงไปตรงส่วนที่ครอบหัว มันเป็นวงกลมมีแถบเหล็กคาดแบ่งเป็นแปดพูเลย ถึงว่าซี เขาถึงว่าเหมือนคาบูโตะ
ทีนี้ญี่ปุ่นเขาก็เห็นว่าแซนด์ดอลลาร์ของฝรั่งนั้น มันดูเหมือนหมวกเหล็กของเขา เขาก็เลยเรียกเจ้า Astrophytum asterias หรือ Sand dollar cactus ว่า “Kabuto” ซะเลย สรุปแล้วก็คือ คำว่า “คาบูโตะ” นั้น จะหมายถึง Astrophytum asterias โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นชนิดไหนสายพันธุ์ไหน แซนด์ดอลลาร์ธรรมดาๆที่เดี๋ยวนี้ขายกันต้นละสิบบาทก็เรียกว่าคาบูโตะได้เหมือนกัน
อธิบายคำว่าคาบูโตะให้เข้าใจเหมือนกันแล้ว ทีนี้เราก็มาดูกันว่า ญี่ปุ่นเขาจัดแบ่งคาบูโตะกันอย่างไร
Astrophytum asterias cv. ‘SUPER KABUTO’ ดูชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเจ้านี่คือ “สุดยอดคาบูโตะ” เป็นต้นไม้ที่สร้างชื่อให้ญี่ปุ่นมากไม่แพ้เจ้ายิมโนหัวแดง ‘Hibotan nishiki’ เลย ‘SUPER KABUTO’ คือ Astrophytum asterias ที่มีประจุดใหญ่เด่นชัดจนเห็นเป็นแผ่น ( ที่ผมเคยเรียกว่า “แซนด์ลายเมฆ” น่ะ ) และเจ้าประจุดนี้เองที่เป็นตัวสร้างลายต่างๆให้เกิดบน ‘SUPER KABUTO’ จนเป็นต้นไม้ที่สวยเด่นกว่าแซนด์ดอลลาร์หรือคาบูโตะธรรมดาทั่วไป ผมเคยหาข้อมูลมาได้ว่า ญี่ปุ่นเขาผสมพันธุ์ตัวนี้ได้จากแซนด์ดอลลาร์สายพันธุ์ที่เก็บมาจากทางรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ก็คิดว่าเขาคงผสมและคัดเลือกต้นที่มีลักษณะลายใหญ่สวยงามผสมกันเองมาเรื่อยๆจนได้ต้นที่มีลักษณะลายแบบที่เห็นกันทั่วไปเดี๋ยวนี้
ด้วยความที่มีความสวยงามที่หลากหลายไม่มีที่สิ้นสุด ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘SUPER KABUTO’ เป็นแคคตัสที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการ เป็นต้นไม้สุดโปรดของนักเล่นเกือบทุกคน แม้ว่าระยะหลังๆนี้ จะมีกระแสความแรงของ Ariocarpus เข้ามาตี แต่บรรดาชาวแอสโตร อย่างเช่นผมเป็นต้น ก็ยัง รู้สึกว่าเจ้านี่แหล่ะ แคคตัสที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลที่สุด มีแล้วก็อยากมีอีก ( แหม ก็แต่ละต้นมันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ ) แถมราคาก็ถูกลงจากสมัยแรกๆอย่างมาก โตก็ไวกว่า Ario อีก จริงมั้ย
เริ่มรู้สึกว่า ถ้าพูดถึง ‘SUPER KABUTO’ มากไป เดี๋ยวจะไม่เหลือที่ให้เขียนถึงคาบูโตะตัวอื่นๆ มาต่อกันดีกว่า
Astrophytum asterias v. nudum หรือที่ญี่ปุ่นเขาเรียกว่า ‘RURI KABUTO’ จากชื่อ nudum หรือ nude ที่แปลว่า เปลือย ก็คงจะพอเดากันออกว่า ตัวนี้ก็คือ แซนด์ที่ไม่มีจุดประ เห็นแต่สีเขียวทั่วต้น
ที่เล่าถึงผ่านไปสองตัวแรกนั้น เป็นคาบูโตะที่จัดได้ว่าสายพันธุ์ “นิ่ง” พอสมควรแล้ว คือ เมื่อนำไปผสมพันธุ์ ลูกที่ได้ออกมาจะมีลักษณะเด่นของพ่อแม่อยู่มาก ส่วนกลุ่มที่ต่อไปจะเล่าถึง จะเป็น คาบูโตะ ที่ยังจัดว่าเป็นลูกผสมอยู่ ( ก็ไม่รู้ว่าไปผสมมาจากไหน ) ซึ่งกลุ่มนี้ ก็ต้องลุ้นเอาว่าเวลาที่ผสมและเพาะเมล็ดออกมานั้น ลูกๆจะมีเลือดพ่อแม่แรงแค่ไหน
มีคำคำหนึ่ง ที่อยากจะให้รู้จักกันไว้ก่อน คือคำว่า cultivar ผมคิดว่าน่าจะมาจากคำว่า cultivation ( การปลูกเลี้ยง ) + varieties ( สายพันธุ์ ) หมายถึง ไม้สายพันธุ์ใหม่ซึ่งได้จากการผสมพันธุ์ปลูกเลี้ยงโดยฝีมือคน ( ไม่ได้เกิดมาเองจากธรรมชาติ ) แต่ว่ามีโอกาสถ่ายทอดลักษณะไปยังรุ่นลูกมากกว่า ไม้พันทาง หรือ hybrids ซึ่งลักษณะต่างๆของคาบูโตะที่จะเล่าต่อไป ( รวมไปถึง ‘SUPER KABUTO’ ด้วย ) จะใช้การเรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า Astrophytum asterias cv. ‘ชื่อลักษณะนั้น’ แต่เพื่อไม่ให้มันดูยาวและน่าเบื่อมากนัก ผมจะขอเรียกเฉพาะชื่อลักษณะเฉยๆแล้วกัน
‘MIRACLE’ หรือญี่ปุ่นใช้คำทับศัพท์ว่า ‘MIRAKURU’ เป็น asterias ที่มีรูปร่างพิเศษ คือ บริเวณกลางพู ( ที่มีตุ่มหนามอยู่ ) จะเว้าเข้าไป ทำให้เห็นเป็นรูปดาวแปดแฉกโค้งๆ และต้นจะดูแบนๆแป้นๆมากกว่าที่จะเป็นกลมๆ ( รูปทรงแบบนี้ บางคนเรียกว่าเขามี “เอว” มี “สะโพก” โค้งเว้าสวย ) เป็นทรงของ asterias ที่จัดได้ว่ามีรูปร่างดี ที่ญี่ปุ่นจะมีนักเล่นท่านหนึ่งซึ่งเพาะพันธุ์ ‘MIRACLE’ ได้สวยงามมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ชื่อคุณYamamoto บางครั้งไทยเราก็ไปเรียก ‘MIRACLE’ สวยๆว่า ‘YAMAMOTO’ เหมือนกัน ก็อยากให้เข้าใจกันว่ามันก็คือหมายถึง ‘MIRACLE’ นั่นเอง
‘KITSU-KOW’ หรือ ‘KIKKO’ โดยคำแล้ว จะแปลว่ากระดองเต่า หมายถึง asterias ที่ตุ่มหนาม (areole) แต่ละตุ่ม มีร่องแบ่งแยกชัดเจนเป็นตุ่มๆ ทำให้ไม่เห็นว่าเป็นพูๆกลีบๆเหมือนปกติ มองแล้วน่าจะดูคล้ายกับผลน้อยหน่า หรือจะมองตามญี่ปุ่นเขาเป็นกระดองเต่าก็พอไหว แต่อย่างที่บอก ก็คือสายพันธุ์เขายังไม่นิ่งมาก การผลิต asterias ‘KIKKO’ ที่ออกมาได้ลักษณะแท้ๆนั้น ก็ยังทำได้น้อย ราคาจึงยังสูงอยู่มาก ‘KIKKO’ ที่จะเห็นได้บ่อยกว่าในบ้านเรา ก็มักจะมีลักษณะเป็นเพียง asterias ที่มีร่อง (บั้ง) ระหว่างตุ่มหนามเท่านั้นเอง เชื้อแรงหน่อยก็ร่องลึกบั้งกว้างเกือบสุดขอบพู เชื้ออ่อนหน่อยก็อาจจะเป็นลักยิ้มนิดๆ ( ญี่ปุ่นเขาจะเรียกแบบนี้ว่า ‘EKUBO’ แปลว่า ลักยิ้ม แต่พี่ไทยจะเหมาเอาว่าเป็น ‘KIKKO’ หมด )
‘NOHAKUTEN’ ตัวนี้ พูดง่ายๆผมจะเปรียบเค้าเหมือนกับเป็น coahuilense ของ asterias คือเป็น asterias ที่ประจุดจะหนาแน่นกว่าและมีลักษณะเป็นปุยๆขนๆฟูๆ ( เหมือนเปรียบเทียบ coahuilense กับ myriostigma ) จะต่างกับ ‘SUPER KABUTO’ ตรงที่ลายเขาไม่ได้ใหญ่เป็นแผ่นเท่า แต่จะมีความปุยฟูมากกว่า ( สองตัวนี้ถ้าเอามาผสมกันได้ลายใหญ่ๆฟูๆ ไทยเราบางทีจะเรียกว่า ‘snow type’ )
‘OOIBO’ หมายถึง asterias ที่มี areole ขนาดใหญ่กว่าต้นอื่น อาจใหญ่ได้ถึง 1 cm ทีเดียว พวกนี้ตอนเล็กๆจะยังดูไม่ค่อยออก ต้องรอเมื่อถึงอายุที่ตุ่มหนามจริงๆจะฟูขึ้น ซึ่งการเลี้ยงแบบระวังฝุ่นจะเป็นเคล็ดลับช่วยให้ areole ฟูใหญ่และขาวสะอาดสวยงาม แต่เวลาเลือกต้องระวังว่าปุยที่ดูใหญ่ๆนั้น ไม่ใช่หน่อ เพราะเวลาหน่อโตขึ้นมาแล้ว ความเด่นของ areole ใหญ่ๆนั้น จะโดนกลบหมด ไม่สวยเท่าที่ควร
‘RENSEI’ หลายๆคนจะเรียกว่า “สร้อยลูกปัด” คือจะหมายถึง ต้นที่มี areole เรียงชิดติดกันเป็นสายสร้อย เป็นลักษณะหนึ่งที่ค่อนข้างหาได้ยากและไม่นิ่งเลย จะพบได้เยอะในกลุ่ม ‘OOIBO’ เพราะว่าตุ่มหนามมันจะใหญ่ เวลาอยู่ใกล้ๆกันจะดูว่าเรียงติดกันมากกว่าตุ่มหนามเล็กๆ หากร่วมกับการเป็น ‘RURI’ ด้วยจะสวยมาก เพราะสีเขียวของต้นจะขับให้สร้อยไข่มุกสีขาวของเราเด่นขึ้นมา
สุดท้าย ตัวนี้เป็นต้นไม้โปรดต้นหนึ่งของผมเลย
‘HANAZONO’ แปลว่า “สวนดอกไม้” คือ asterias ที่มี areole อยู่ที่ประจุดบริเวณอื่นนอกจากกลางพู ทำให้สามารถออกดอกได้หลายๆที่นอกเหนือจาก areole ที่บริเวณยอด และออกดอกได้หลายๆดอกมากในคราวเดียว จึงเรียกว่าเป็น “สวนดอกไม้” ลักษณะของ areole ก็จะเรียงตัวต่างๆกันไป เป็นระเบียบตามลายบ้าง เรียงประปรายบ้าง มีความหลากหลายของลายไม่แพ้ ‘SUPER KABUTO’ เลย ต้นนี้เด็กๆเขายังจะไม่ขึ้น ‘HANAZONO’ จนกว่าจะมีขนาดพอสมควรแล้ว ราคาจึงยังสูงอยู่มาก เพราะต้องใช้เวลานานรอจนกว่าเขาจะแสดงลักษณะออกมาได้หมดจึงจะนำออกขายได้ ( หากขายเป็นแซนด์เล็กๆต้นละสิบบาทไป แล้วเจอว่าต่อมาเป็นฮานาโซโนะคงเจ็บใจน่าดู )
ทั้งหมดนี้ คือชื่อเรียกของลักษณะต่างๆของคาบูโตะ ( เป็นบางส่วน ) ที่นิยมเล่นกันในเมืองไทยปัจจุบัน ซึ่งผมเล่าถึงเฉพาะลักษณะของต้น, ลาย และตุ่มหนาม เท่านั้น ส่วนลักษณะของดอก เช่น ‘AKABANA’ = ดอกสีชมพู-ส้ม หรือ ‘SHINSHOWA’ = ดอกมีกลีบเป็นฝอยๆ จะขอไม่พูดถึงรายละเอียด แต่ถ้ามีใครอยากทราบและผมสามารถหาข้อมูลมาฝากได้พอสมควรก็จะเอามาเล่าให้ฟังใหม่ และหากเพื่อนๆมีอะไรที่อยากให้เขียนถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแอสโตร หรือว่าแคคตัสและไม้อวบน้ำอื่นๆ ก็ขอให้ส่งอี-เมลมาบอกได้ หากผมมีความรู้อยู่บ้างหรือหาข้อมูลได้น่าสนใจแล้ว ก็จะได้เอามาเล่าสู่กันฟังในครั้งต่อๆไป
วิน แอสโตร
แนะนำติชม ที่ win_sikarin@yahoo.com